My Photos.

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

ประวัติของรถเต่า ( Volkswaken ) !!





ต้องย้อนหลังเมื่อประมาณปี 1930 ในยุคที่โลกของเราอยู่ในสภาวะวิกฤต คือช่วงสงครามโลกครั้ง

ที่

2 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำสงครามฝ่ายอักษะ

ได้สั่งให้ ดร.นอร์ท โฮป ร่วมกับวิศวกรชาวเยอรมันอีก

ท่าน

คือ ดร.เฟอร์ดินัน ปอร์เช่ ผู้ออกแบบรถ

ปอร์เช่ ให้ร่วมกันออกแบบรถเพื่อใช้เป็นยานพาหนะในการทำ

ศึกสงครามกลางทะเลทราย และรถคัน

นั้นก้อคือ รถโฟล์กสวาเก้น หรือเจ้าเต่าทองนั่นเอง และ ณ จุด

นี้เอง รถโฟล์กสวาเก้นจึงถือ

รถโฟล์กคันแรกถูกผลิตออกมาให้ประชาชนได้ใช้งานกันอย่างจริงจัง ด้วยคำสั่งของฮิตเลอร์ที่ว่า

ต้องเป็นรถของประชาชนตามชื่อองรถ เพราะคำว่า Volk ลเป็นไทยไในภาษาเยอรมัน แปล

ว่า ประชาชน ส่วนคำว่า Wagen นั้นแปลว่า รถยนต์ กำเนิดขึ้น ในปี 1938

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

ทุกอดีตมีเรื่องราวแล้วแต่ว่าเราจะเลือกลืมหรือจำ

"YOU CAN NOT DELETE"

จะลืม หรือจำไม่สำคัญหรอก ปล่อยใจให้สบายๆ จะดีกว่า
จำก็ได้ ลืมก็ได้ คิดถึงก็ได้ ไม่คิดถึงก็ได้ หากเราไม่ตั้งธงให้ตัวเองความกดดันก็จะค่อยๆหายไป
แล้วชีวิตก็จะค่อยๆก้าวเข้าสู่รูปรอยปกติ แต่ถ้าไปหมกหมุ่นว่าต้องลืม ต้องลบ
ต้อง...นั่น ต้อง...นี่ นอกจากจะไม่เคยลืมได้จริงๆ แล้ว
ยังทำให้เราไม่เคยก้าวไปไกลจากจุดๆเดิมเลย

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

กุหลาบเป็นได้มากกว่าดอกไม้...


@สีกุหลาบสื่อความหมาย

สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปราถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ

สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์

สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง
สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ

สีขาวและแดง
สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

สีส้มสื่อความหมายถึง ฉันรักเธอเหมือนเดิม

กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย

@จำนวนกุหลาบสื่อความหมาย


1 ดอก รักแรกพบ
2 ดอก แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
3 ดอก ฉันรักเธอ
7 ดอกคุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
9 ดอก เราสองคนจะรักกันตลอดไป
10 ดอก คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
11 ดอก คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
12 ดอกขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
13 ดอก เพื่อนแท้เสมอ
15 ดอก ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
20 ดอก ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
21 ดอก ชีวิตินี้ฉันมอบเพื่อเธอ
36 ดอก ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
40 ดอกความรักของฉันเป็นรักแท้
99 ดอก ฉันรักเธอจนวันตาย
100 ดอก ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
101 ดอก ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
108 ดอกคุณจะแต่งงานกับฉันไหม
999 ดอกฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย


@ความหมายอื่น


กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) "เธอช่างมีเสน่ห์งามเหลือเกิน"

กุหลาบตูมสีแดง "ฉันเริ่มรักเธอแล้วจ้ะ"

กุหลาบบานสีแดง "ฉันรักเธอเข้าแล้ว"

กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว"

กุหลาบตูมสีขาว "เธอช่างไร้เดียงสาน่าทนุถนอมเหลือเกิน ฉันรักเธอ"

กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว "เสน่ห์ของเธอมันเริ่มลดน้อยถอยลงแล้วนะจ๊ะ"

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่น่าสนใจของของดอกกุหลาบ d(^____^)b

Jetset'er-ใครคนนั้น

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

เรื่องราวอันยาวนานของกล้อง....แฉะ แฉะ !!



..........ประวัติอันยาวนานของกล้องดิจิตอล.......

1913 : กล้องถ่ายรูปชนิด 35mm ถูกคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1913 หลังจากนั้นนานถึง 62 ปี ต้นแบบกล้องดิจิตอลตัวแรกของโลกก็เกิดขึ้น

1975 : Eastman Kodak ได้ออกแบบกล้องไร้ฟิล์มตัวนี้โดยใช้ Solid State CCD ของบริษัท Fairchild Semiconductor ในปี 1973 กล้องตัวนี้หนัก 3.6 กก. บันทึกเป็นภาพขาว-ดำความละเอียดสูงถึง 0.01 ล้านพิกเซล (100 x 100 พิกเซลหรือ 10,000 พิกเซลนั่นเอง) ลงเทปบันทึกภาพ ใช้เวลา 23 วินาทีในการบันทึกภาพแรกสำเร็จในปี 1975 แต่กล้องตัวนี้ก็ไม่ได้มีการผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายแต่อย่างใด

1976 : Canon AE-1 กล้องฟิล์ม 35mm ตัวแรกที่ใช้ micro-processor ในตัวออกวางตลาด

1979 : Sony TPS-L2 Walkman ตัวแรกของ Sony ออกมาเริ่มสร้างตำนานจนทุกวันนี้ ราคาอยู่ที่ $200 ในสหรัฐฯ เรียกกันว่า Soundabout

1981 : Model 5150, IBM PC ตัวแรกของโลกออกสู่ตลาดในฟลอลิดา สหรัฐฯ สเปก CPU Intel 8088, Clock speed 4.77MHz, Memory (RAM) 16K, ไม่มีฮาร์ดดิสก์

1981 : การเกิดขึ้นของ Sony Mavica สร้างยุคใหม่ของกล้องถ่ายรูป MAVICA ย่อมาจาก Magnetic Video Camera หลายคนคงทันเห็น หรือใช้กล้อง Mavica แต่นั่นไม่ใช่รุ่นที่เรากำลังพูดถึง กล้อง Mavica ตัวแรกนี้เป็นกล้อง SLR !!!! บันทึกภาพนิ่งคุณภาพ TV ลง Floppy Disk ขนาด 2 นิ้ว มีเลนส์ 3 ตัว 25mm f/2, a 50mm f/1.4, และ 16-65mm f/1.4 zoom ใช้ CCD ความละเอียด 570 x 490 หรือประมาณ 3 แสนพิกเซล ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ AA 3 ก้อน กล้องตัวนี้ไม่มีจอภาพ แต่ดูภาพได้บน TV
1982 : Sony CDP-101 เป็น CD Audio Player ตัวแรกของโลกที่วางตลาดคอนซูมเมอร์ ราคาอยู่ที่ $900
1984 : Apple ออกวางตลาดเครื่อง Macintosh เครื่องแรก ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่เน้นการใช้งานด้านกราฟฟิกและมี User Interface ที่ใช้งานง่าย เครื่องแมคเครื่องนี้ไม่มีชื่อรุ่น มีแต่ชื่อ "Macintosh" ติดอยู่ด้านหลังเครื่อง ราคา $2495 ใช้ CPU68000 ความเร็ว 8MHz มีแรม 128KB และ Floppy Drive ขนาด 3.5 นิ้วความจุ 400KB มาพร้อมจอขาว-ดำขนาด 9 นิ้ว

1986 : Kodak พัฒนากล้อง Megapixel ขนาดพกพาตัวแรกของโลก มี CCD ความละเอียด 1.4 ล้านพิกเซล รุ่น Videk Megaplus ราคาเริ่มต้นที่ $10000 !! แต่กล้องตัวนี้ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นกล้องดิจิตอลตัวแรกของโลกได้ เพราะว่าต้องใช้ singnal processing unit ภายนอก และต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างภาพอีกที

1988 : Fuji DS-1P เป็นกล้องดิจิตอลตัวแรกที่ใช้หน่วยความจำเป็นการ์ดและวางจำหน่ายในวงกว้าง ถึงจะเป็นการบันทึกแบบดิจิตอลอย่างแท้จริง แต่การ์ดที่ใช้ยังเป็นหน่วยความจำแบบ SRAM ซึ่งต้องใช้ไฟเลี้ยงตลอดเวลา

1990 : Adobe Photoshop 1.0 ออกแล้ว ทำงานบนเครื่อง Mac

1991 : Kodak DCS100 เป็น DSLR ตัวแรกของโลก อันที่จริงเป็นกล้อง Nikon F3 ประกอบกับ digital back ของโกดักที่มี CCD 1.3 ล้านพิกเซล กล้องตัวนี้ต้องใช้ร่วมกับ DSU (Digital Storage Unit) สำหรับเป็น harddisk เก็บภาพ มีจอดูภาพและถ่ายโอนจาก DSU ไปยัง PC ได้

1994 : Apple Quick Take 100 เป็นกล้องดิจิตอลตัวแรกของโลกที่ขายกันในตลาดคอนซูมเมอร์ เป็นกล้องถ่ายภาพสี ความละเอียด 640x480 หรือประมาณ 3 แสนพิกเซล ราคาอยู่ที่ $749 มีหน่วยความจำในตัว เก็บภาพได้ 8 ภาพ หลังจากนั้นก็ยังมีกล้องรุ่น Quick Take อื่นๆ ออกมาเรื่อยๆ Kodak ออกกล้องดิจิตอลระดับโปรตัวแรกวางขายสำหรับช่างภาพ เป็นกล้อง Nikon N90 กับ Digital back เซนเซอร์ขนาด 1024 x 1280 พิกเซลของโกดัก ISO 200 - 1600. Shutter 1/8000 - 30 seconds. สเปกไม่ใช่เล่น ราคาก็ไม่เล่น $17,950 เท่านั้นเอง หลังจากนั้นกล้องแนวนี้ก็มีออกรุ่นใหม่ๆมาอยู่เรื่อยๆ เช่น DCS460 (1995) ซึ่งความละเอียดสูงถึง 6 ล้านพิกเซล (2036 x 3060) หรือรุ่น DCS 3 ที่ออกกับกล้อง Canon EOS-1N ความละเอียด 1.3 ล้าน และอีกหลายรุ่น MJ-700V2C Inkjet สีคุณภาพ photo ตัวแรกของโลก ไม่ใช่ของใครที่ไหน ก็ EPSON เจ้าประจำ หน้าตาไม่ต่างจากปรินเตอร์ปัจจุบันซักเท่าไหร่
Compact Flash เกิดแล้ว โดย Sandisk นี่เอง ความจุเริ่มต้นที่ 2-24MB มีตัวประมวณผลในตัวสำหรับประมวลการถ่ายโอนข้อมูล ใช้หน่วยความจำชนิด Flash เป็น non-volatile ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่เพื่อรักษาข้อมูลไว้ Smart Media Card เกิดตามมาติดๆ ต่างกับ CF ที่ไม่มีตัวประมวณผล ทำให้บางลง แต่ต้องใช้ตัวประมวลผลที่อยู่ในกล้อง









ประวัติของ Googl.^^+


ประวัติ Google.com

ช่วงก่อตั้ง
กูเกิล ก่อตั้งโดยลาร์รี เพจ(Larry Page) และเซอร์เกย์ บริน(Sergey Brin) เริ่มต้นพัฒนามาจากโครงงานวิจัยซึ่งเป็นวิทยานิพนธ์ ในช่วงที่กำลังศึกษาปริญญาเอกอยู่ที่ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1996 โดยใช้ชื่อโครงงานว่า แบ๊กรับ โดยเน้นเนื้อหาในการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ทั้งเพจและบรินได้ตัดสินใจทดสอบประสิทธิภาพของระบบการค้นหาของตน โดยจดทะเบียนโดเมนเนม Google วันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1997 ภายหลังได้ก่อตั้งบริษัทชื่อ กูเกิล ในปี ค.ศ. 1998

ต่อมากูเกิลได้เปิดให้ผู้พัฒนาโปรแกรมคนอื่น สามารถนำโค้ดกูเกิลไปใช้ได้ โดยใช้ฐานข้อมูลจากทางกูเกิล ตัวอย่างบริษัทที่ใช้ได้แก่ มูลนิธิมอซิลลา ผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ ไฟร์ฟอกซ์ บริษัทแอปเปิล คอมพิวเตอร์ ผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ ซาฟารี

การเปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชน
ในปี พ.ศ. 2547 ได้เปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชนและเข้าตลาดหุ้นแนสแด็ก (NASDAQ) โดยใช้ดัชนีชื่อ GOOG หุ้นของกูเกิลในช่วงทำ Initial Public Offering (IPO) มีมูลค่าสูงขึ้นมากกว่า 200% ในช่วงปิดตลาดหุ้นของวันแรกที่ได้ประกาศ (เปรีบเทียบกับ ไป่ตู้ เสิร์ชเอนจินของประเทศจีน มูลค่าเพิ่มขึ้น 354% ในช่วงปิดตลาดวันแรก วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2548)

ชื่อ Google
ชื่อ “Google” มาจากคำว่า “googol” ซึ่งหมายถึงจำนวนทางคณิตศาสตร์ที่หมายถึงเลข 1 แล้วตามด้วยเลข 0 อีกหนึ่งร้อยตัว หรือ 10 ………0(0 จำนวน 100 ตัว) เพื่อเป็นการแสดงถึงเป้าหมายของบริษัทที่จะจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาล อีกกระแสหนึ่งบอกว่าชื่อ Google มาจากความผิดพลาดในการจดโดเมนเนมในช่วงก่อตั้ง

ในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 กูเกิลชนะความในศาล ในคดีที่มีบริษัทอื่นตั้งชื่อใกล้เคียง ได้แก่ googkle.com ghoogle.com และ gooigle.com เพื่อเรียกให้คนอื่นเข้าเว็บไซต์ของตน ทำให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียงของกูเกิล

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

Pineberry


เป็นที่ดึงดูดความสนใจของคนที่ชื่นชอบผลไม้ซะเหลือเกิน สำหรับผลไม้ชนิดใหม่ "พายเบอร์รี่" ที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับสตรอเบอร์รี่ทุกประการ แตกต่างตรงที่สีของผลจะเป็นสีขาว ส่วนเมล็ดเป็นสีแดง และที่น่าแปลกคือรสชาติของมันดันไปเหมือนสับปะรดซะอย่างงั้นแน่ะ โดยไอ้เจ้าพายเบอร์รี่ที่ว่านี้ ถูกค้นพบเมื่อประมาณ 7 ปีก่อน ในประเทศแถบอเมริกาใต้ เมื่อแรกออกผลจะเป็นสีเขียว และค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีอ่อนลงเรื่อย ๆ และเมื่อมันหวานและฉ่ำพอที่จะกินได้แล้ว เนื้อของพายเบอร์รี่จะเปลี่ยนเป็นสีขาว ส่วนผลของมันจะเล็กกว่าสตรอเบอร์รี่เล็กน้อย เรียกว่าเป็นพี่ราสท์เบอร์รี่ แต่เป็นน้องสตรอเบอร์รี่เลยก็ว่าได้

A B C D

"จอง! // dibs."

dibs.แปลตรงๆก็คงประมาณว่า "จองเว้ย" นั่นแหละ ซึ่งเราเรียกกระบวนการนี้ว่า
การ "Cal dibs"

จะยกตัวอย่างการใช้....ไปดูกันว่าเหตุการณ์นี้ใช้ dibs. อย่างไร?

เพื่อนหนุ่มกลุ่มหนึ่งพากันออกเที่ยวกลางคืน เมื่อโผล่หน้าเข้าไปใขพับก้พบกับสาวๆมาหน้าหลายตา
และแล้ว>>>
"หึย! แกดูนู่น ผมยาว ชุดเขียว เสียวสุดๆ Xสลัดๆ!"
"dibs."
"เฮ้ย ฉันเห็นก่อนนะเว้ย! You loser,I saw her first!"
"But you didn't say 'Dibs',did you? Sorry, dude."

นายAผู้สายตาดี แต่เสียดายปากไม่ไวเท่านายB จึงได้แต่มองยืนขบกรามกรอดๆ มองเพื่อนไปสีน้องเขียว
ด้วยความเจ็บใจเป็นล้นพ้น
อิอิ การใช้ dibs.เป็นต้น

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

5 กันยายน อีกครั้ง^^


ตอนนี้เวลาก็...เที่ยงคืนกับอีกยี่สิบแปดนาที
สุขสันต์วันเกิดให้กับตัวเองซะหน่อย
@ ขอบคุณนะค่ะแม่ที่ให้ลูกได้เกิดมาเป็นลูกแม่
และเลี้ยงดูมา(โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว)
สัญญาจะเป็นเด็กดีค่ะ