My Photos.

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของนักศึกษาระดับปริญญาตรี

พฤติกรรมการใช้ อินเทอร์เน็ตของนักศึกษา

พฤติกรรมการใช้ อินเทอร์เน็ตของนักศึกษาระดับปริญญาตรี( เฉพาะมหาวิทยาลัยของ ภาครัฐ)ขณะที่หลายฝ่ายได้พยายาม ผลักดันให้นักเรียน นักศึกษาบ้านเราได้มีโอกาสได้ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม จากการเรียนการสอนในแต่ละวันทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งทางภาครัฐ เอกชน หรือ รัฐวิสาหกิจ ที่มองเห็น ช่องทางในอนาคต ได้ร่วมกันสนับสนุนเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น การขอเลขหมายโทรศัพท์ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ เล่นอินเทอร์เน็ตฟรี หรือ จะเป็น แพ็คเกจชั่วโมง ที่ปัจจุบันได้ลดราคาแข่งกันชนิดที่เรียกว่าแทบจะต่างกันในระดับสตางค์ต่อนาทีเลยทีเดียว หรือว่าจะเป็นการขยาย ความกว้างของสัญญาณ (แบนด์วิธ) ระหว่างประเทศ ที่เร่งการโหลดข้อมูลทั้งภาพและเสียง มายังอุปกรณ์ต่อพ่วง ที่พัฒนากันไม่หยุด อย่างล่าสุดก็เคเบิลโมเด็ม, ADSL หรือ GPRS ที่โฆษณาว่าเร็วกระจาย ทะลุจอ ไม่ต้องง้อทีวี ทำให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่ได้มีโอกาสเลือกเวลาในการท่องอินเตอร์เน็ตตามความต้องการ หรือความเป็นส่วนตัวกันมากขึ้น โดยอาจจะไม่ต้องมารอนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตกลางดึกกันอีกแล้ว แต่ทั้งนี้ในอีกแง่มุมหนึ่ง ที่ทางผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั้งหลาย ยังคงไม่ยอมควบคุมลักษณะข้อมูลที่ไม่เหมาะสม ต่อเยาวชน ทั้งที่ทำได้โดยไม่ยาก ต่อให้จะป้องกันได้ไม่ถึง 100% แต่อาจเป็นเพราะ "เหตุผลทางด้านการตลาด" แล้ว ทำให้บรรดาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั้งหลาย หรือแม้จะเป็นในสถาบันการศึกษาชื่อดังของรัฐ หรือเอกชนก็ตาม ได้เลือกที่จะให้ความเป็นอิสระในสิทธิมนุษยชน (ตามฝรั่ง) ต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้เป็นคนเลือกบริโภคข้อมูล ข่าวสารกันเอง ดังนั้นองค์กรทางสังคมต่างๆ ที่เห็นควรว่า ตนเองน่าจะระวัง หรือมีสำนึกที่เกี่ยวข้องต่อความรับผิดชอบกับปัญหาสังคม ที่จะเกิดตามมา จึงควรที่จะพิจารณาศึกษาลักษณะพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต ของประชาชน ไว้เพื่อเป็นประโยชน์ ต่อไป ทางสำนักวิจัยเอแบค-เคเอสซี อินเทอร์เน็ตโพลล์ (เอแบคโพลล์) จึงได้ออกแบบสอบถามเบื้องต้น เพื่อศึกษาประเด็นดังกล่าว และเก็บไว้อ้างอิงและพัฒนาลักษณะการสอบถามในประเด็นลึกซึ้งที่เกี่ยวข้องต่อไป จากการออกแบบสอบถาม การติดตามพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต เฉพาะนักศึกษาในระดับปริญญาตรี ทุกระดับชั้นปีในภาครัฐบาล เป็นจำนวน 1,533 ชุด เฉพาะ ในเขต กรุงเทพมหานคร และ จังหวัดใกล้เคียง โดยมีสัดส่วนผู้ตอบแบบสอบถามเป็น เพศชาย ร้อยละ 49.5 % และ เพศหญิง ร้อยละ 50.5 % มีนักศึกษาจำนวน ร้อยละ 32.1 % ระบุว่าใช้เวลาเล่นอินเทอร์เน็ตประมาณ 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และมีการใช้อินเทอร์เน็ตในช่วงเวลา 20.01-24.00 มากที่สุดซึ่ง คิดเป็นร้อยละ 58.2 % รองลงมาคือในช่วงเวลา 16.01-20.00 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 38.1 % จากข้อมูลขั้นต้น กองบรรณาธิการที่มีความเชี่ยวชาญ เฉพาะด้าน ทางด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สัดส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตในจังหวัดที่ไกลออกไปจาก ภาคกลาง ซึ่งประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานครฯ และจังหวัดใกล้เคียงนั้น อาจจะมีค่าซึ่งผิดแปลกออกไปจากที่ได้ จากการสำรวจในครั้งนี้ ทั้งนี้เพราะ ในต่างจังหวัด กลุ่มผู้ที่มีความสามารถ เป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์ ส่วนตัวนั้น น่าจะมีน้อยลงตาม การกระจายตัวของเศรษฐกิจ และ อาจจะมีความคล้ายคลึงกันตามหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ สงขลา หรือ นครราชสีมา เป็นต้น เหตุผลหลักในการที่นักศึกษาเข้าไปใช้อินเทอร์เน็ต ระบุว่า ใช้ icq ในการสนทนาบนอินเทอร์เน็ตซึ่งคิดเป็นร้อยละ 41.0 % หัวข้อสนทนาที่นักศึกษาใช้สนทนาบ่อยที่สุดระบุว่าคุยเรื่องทั่วๆไปซึ่งคิดเป็นร้อยละ 49.2 % เหตุผลรอง ลงมาในการที่นักศึกษาเข้าไปใช้อินเทอร์เน็ตคือ ร้อยละ 27.8 % ระบุว่า ใช้เพื่อ check mail ส่วนช่องทางที่ใช้ ในการใช้รับส่ง email เป็นประจำนั้น ร้อยละ 55.1 % ระบุว่า ใช้ Hotmail และ ร้อยละ 25.0 % ระบุว่า ใช้ Yahoo มีข้อสังเกตว่า มีแค่ ร้อยละ 1.9 % ที่ระบุว่า ใช้ MS Outlook ซึ่งนอกนั้นจะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็น e-mail ที่เปิดให้ใช้ โดยไม่คิดค่าบริการ ในส่วนของสถานที่ ที่นักศึกษาเข้าใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดระบุว่า เป็นสถานศึกษา และที่บ้าน โดยมีจำนวน ใกล้เคียงกัน รองลงมาคืออินเทอร์เน็ตคาเฟ่ หรือตามสถานที่ให้บริการทั่วไป ซึ่งวัตถุประสงค์ในการใช้อินเทอร์เน็ต ส่วนใหญ่คือ เพื่อความบันเทิง และเพื่อค้นหาข้อมูลซึ่งมีจำนวนใกล้เคียงกัน ส่วนที่เหลือระบุว่าค้นหาเพื่อนใหม่ อินเทอร์เน็ต แพ็คเกจ ที่ใช้ที่บ้าน จำนวนร้อยละ 31.1 % ระบุว่า KSC, ร้อยละ 22.3 % ระบุว่า CS, ร้อยละ 11.1 % ระบุว่า Asia net โดยมีผู้ไม่ตอบในข้อนี้ ร้อยละ 27.1 %

ที่มา :http://www.tj.co.th/2005/article/expert_talk/index.html
google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);

จรรยามารยาทบนอินเทอร์เน็ต

จรรยามารยาทบนอินเทอร์เน็ต (Netiquette)
ทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทและส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ในแทบทุกด้าน รวมทั้งได้ก่อให้เกิดประเด็นปัญหาขึ้นในสังคม ไม่ว่าในเรื่อง ความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย เสรีภาพของการพูดอ่านเขียน ความซื่อสัตย์ รวมถึงความตระหนักในเรื่องพฤติกรรมที่เราปฏิบัติต่อกันและกันในสังคมอินเทอร์เน็ต ในบทความนี้ผู้เขียนขอทบทวนเรื่อง จรรยามารยาทบนอินเทอร์เน็ตหรือที่เรียกกันในกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตว่า “Netiquette” เพื่อให้เป็นของฝากสำหรับสมาชิกใหม่ที่เรียกกันว่า “Net Newbies” และให้เป็นของแถมเพื่อการทบทวนสำหรับนักท่องเน็ตที่เป็น
“ขาประจำ”

Netiquette คืออะไร
Netiquette เป็นคำที่มาจาก “network etiquette” หมายถึง จรรยามารยาทของการอยู่ร่วมกันในสังคมอินเทอร์เน็ต หรือ cyberspace ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้ามาแลกเปลี่ยน สื่อสาร และทำกิจกรรมรวมกัน ชุมชนใหญ่บ้างเล็กบ้างบนอินเทอร์เน็ตนั้น ก็ไม่ต่างจากสังคมบนโลกแห่งความเป็นจริง ที่จำเป็นต้องมีกฎกติกา (codes of conduct) เพื่อใช้เป็นกลไกสำหรับการกำกับดูแลพฤติกรรมและการปฏิสัมพันธ์ของสมาชิก

บัญญัติ 10 ประการสำหรับผู้เริ่มต้น
ถ้าศึกษาค้นคว้าในเรื่อง Netiquette บนเว็บ จะพบการอ้างอิงและกล่าวถึง The Core Rules of Netiquette จากหนังสือเรื่อง “Netiquette” เขียนโดย Virginia Shea ซึ่งเธอได้บัญญัติกฎกติกาที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตพึงตระหนักและยึดเป็นแนวปฏิบัติ 10 ข้อ
ดังนี้

Remember the Human
กฏข้อที่ 1 เป็นข้อเตือนใจสำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ในขณะที่เรานั่งพิมพ์ข้อความเพื่อติดต่อสื่อสารผ่านจอคอมพิวเตอร์นั้น ต้องไม่ลืมว่าปลายทางอีกด้านหนึ่งของการสื่อสารนั้นที่จริงแล้วก็คือ “มนุษย์”

Adhere to the same standards of behavior online that you follow in real life
กฎข้อที่ 2 เป็นหลักคิดง่าย ๆ ที่อาจจะยึดเป็นแนวปฏิบัติ หากไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ก็ให้ยึดกติกามารยาทที่เราถือปฏิบัติในสังคมมาเป็นบรรทัดฐานของการอยู่ร่วมกันแบบออนไลน์

Know where you are in cyberspace
กฎข้อที่ 3 เป็นข้อแนะนำให้เราใช้งานอย่างมีสติ รู้ตัวว่าเรากำลังอยู่ ณ ที่ใด เมื่อเข้าในพื้นที่ใหม่ ควรศึกษาและทำความรู้จักกับชุมชนนั้น ก่อนที่จะเข้าร่วมสนทนาหรือทำกิจกรรมใด ๆ

Respect other people's time and bandwidth
กฎข้อที่ 4 ให้รู้จักเคารพผู้อื่นด้วยการตระหนักในเรื่องเวลา ซึ่งจะสัมพันธ์กับขนาดช่องสัญญาณของการเข้าถึงเครือข่าย นั่นคือ ให้คำนึงถึงสาระเนื้อหาที่จะส่งออกไป ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มสนทนาหรือการส่งอีเมล เราควรจะ “คิดสักนิดก่อน submit” ใช้เวลาตรึกตรองสักหน่อยว่า ข้อความเหล่านั้นเหมาะสมหรือมีสาระประโยชน์กับใครมากน้อยเพียงใด

Make yourself look good online
กฎข้อที่ 5 เป็นข้อแนะนำผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการเขียนและการใช้ภาษา เนื่องจากปัจจุบันวิธีการสื่อสารบนเน็ตใช้การเขียนและข้อความเป็นหลัก การตัดสินว่าคนที่เราติดต่อสื่อสารด้วยเป็นคนแบบใด จะอาศัยสาระเนื้อหารวมทั้งคำที่ใช้ ดังนั้น ถ้าจะให้ “ดูดี” ก็ควรใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมและตรวจสอบคำสะกดให้ถูกต้อง

Share expert knowledge
กฎข้อที่ 6 เป็นข้อแนะนำให้เรารู้จักใช้จุดแข็งหรือข้อได้เปรียบของอินเทอร์เน็ต นั่นคือ การใช้เครือข่ายเพื่อเปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยน ”ความรู้” รวมทั้งประสบการณ์กับผู้คนจำนวนมาก ๆ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของอินเทอร์เน็ตนั่นเอง

Help keep flame wars under control
กฎข้อที่ 7 เป็นข้อคิดที่ต้องการให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้ร่วมมือกันเพื่อช่วยควบคุมและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการส่งความคิดเห็นด้วยการใช้คำที่หยาบคาย เติมอารมณ์ความรู้สึกอย่างรุนแรงจนเป็นชนวนให้เกิดกรณีทะเลาะวิวาทกันในกลุ่มสมาชิก ซึ่งรู้จักกันในกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตว่า “flame”

Respect other people's privacy
กฎข้อที่ 8 เป็นคำเตือนให้เรารู้จักเคารพในความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น เช่นไม่อ่านอีเมลของผู้อื่น เป็นต้น

Don't abuse your power
กฎข้อที่ 9 เป็นคำเตือนสำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษ เช่น ผู้ดูแลระบบบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งมักจะได้รับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่น บุคคลเหล่านี้ก็ไม่ควรใช้อำนาจหรือสิทธิ์ที่ได้รับไปในทางที่ไม่ถูกต้องและเป็นการเอาเปรียบผู้อื่น

Be forgiving of other people's mistakes
กฎข้อที่ 10 เป็นคำแนะนำให้เรารู้จักให้อภัยผู้อื่น โดยเฉพาะพวก newbies ในกรณีที่พบว่าเขาทำผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม และหากมีโอกาสแนะนำคนเหล่านั้น ก็ควรจะชี้ข้อผิดพลาดและให้คำแนะนำอย่างสุภาพ โดยอาจส่งข้อความแจ้งถึงผู้นั้นโดยตรงผ่านทางอีเมล

อ้างอิง
http://cc.swu.ac.th/ccnews/content/e1624/e1950/e3918/e3949/index_th.html