My Photos.

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เติมพลังให้...ตนเองเสมอ...เมื่อเจอความล้มเหลว

ทำไมบางคนทำผิดหรือทำพลาด เขาถูกตำหนิหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างย่อยยับ ทั้งที่ความผิดของเขาไม่ใช่เรื่องขอขาดบาดตาย ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ชีวิตเขาถูกกระหน่ำซ้ำเติมทุกอย่าง

เพราะ...ในความผิดพลาด ธรรมชาติของคนจะลงโทษตนเองแล้ว นั่นคือ ความเสียใจ...และต้องหันกลับไปคิดว่า...ทำไมเราผิดพลาดขนาดนี้...ย้ำคิด ย้ำทำ เวียนมา และเสียใจอยู่อย่างนั้น

ถ้าเราเปิดคำวิจารณ์แย่ๆ จากข้างนอก จากไหน จากใครก็ตาม ทำให้เราจมอยู่กับอดีต ความหลังทำให้ความรู้สึก ลงโทษตัวเอง อย่างไม่สิ้นสุด จึงเป็นเรื่องยากที่จะพูความรู้สึกภาคภูมิใจให้พึงกับมา เพื่อเป็นพลังในใจอีกครั้ง ส่วนใหญ่คนเราจะเสียเวลาอยู่กับความผิดพลาด ล้มหนึ่งครั้ง หมดพลัง ยากที่จะลุกขึ้นยื่น


แต่ก็มีคนอีกประเภท...เขาจะผิดอะไร กลับไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์ หรือซ้ำเติม...คงเป็นเพราะว่าคนกลุ่มนี้จะเคารพและเติมพลังใจในการกระทำของตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว เมื่อประสบความสำเร็จ ความสำเร็จคือรางวัล เมื่อล้มเหลว ความล้มเหลวคือของขวัญ เมื่อเราเติมพลังใจให้เกียรติตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างก็จะนับถือให้เกียรติเรา


ฉันเคยได้ยินว่า “ คนที่ทำผิดซ้ำสองคือคนโง่ ” คนเรารู้สึกแย่อยู่แล้วเมื่อผิดซ้ำสอง แต่...ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยทำผิดซ้ำที่เดิม ย้ำรอยเดิม ถึง สองสามครั้ง ต่างกันแค่เวลาเท่านั้น ฟังดูแล้วไม่น่าให้อภัย...คนอะไรแย่ชะมัด สิ่งหนึ่งที่ฉันยอมรับและเซ็งตัวเองสุดขีดคือ ฉันพลาดและพลั้ง(อีกแล้ว) แต่ฉันก็เติมพลังใจให้เกียรติกับความผิดพลาดอยู่เสมอ อย่างไร ก็ตามฉันจะไม่เว้นช่องว่างให้ใครซ้ำเติมเด็ดขาด คือ ผิดนะ ใช่ แล้วยังไงก็มันผิดแล้วนี่ แต่ฉัน...ไม่ได้โง่นะ...จะบอกให้...เพราะคนโง่มันเป็นบทสรุปของคนที่ไม่สามารถทำอะไรให้ประสบความสำเร็จได้เลยตลอดชีวิต


บางครั้งการทำพลาดซ้ำๆ อาจทำให้เสียเวลา แต่อย่าลืมว่าการผิดพลาดทุกครั้งจะเกิดสิ่งที่ดีตามมาเสมอ เพราะสิ่งที่ดีที่สุด อาจเกิดความผิดพลาดที่จุดเดิม...เหมือนผู้หญิงบางคน เปลี่ยนคนรักด้วยเหตุอะไรไม่ทราบ...จนได้เจอคนที่ดีกว่า บางคนเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ จนได้งานที่ดีที่สุด มักอาจได้หัวหน้าที่ดีที่สุด (จะมีซักกี่เปอร์เซ็นต์นะ อย่าเสือปะจระเข้ก็แล้วกัน) ทุกการกระทำไม่มีบทสรุปแน่นอนว่าจะเกิดสิ่งที่ดีที่สุด เพราะการกระทำทุกการกระทำจะมีผลลัพธ์ในตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว จงเติมพลังใจ ให้เกียรติกับชีวิต และผลลัพธ์การกระทำของตัวเองทุกครั้ง แล้วสังคมคนรอบข้างก็จะให้เกียรติในการกระทำของเรา...เพียงแต่เรา...อย่ามองตัวเอง...เป็นคนที่ผิดพลาดจบอยู่กับห้วงความล้มเหลว ปืนบันไดความสำเร็จไม่ได้สักที...จงเติมเชื่อไฟ ให้มีพลัง พร้อมที่จะลุกขึ้นมายืนใหม่...อีกครั้ง...อย่างทระนง




สู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่


...โลกนี้มีผู้ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จำนวนมาก บางคนก็เป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ บางคนก็เป็นนักแต่งเพลง จิตรกร นักวิทยาศาสตร์ นักกีฬา นักธุรกิจ หรือนักปกครองประเทศที่ยิ่งใหญ่ เรามาดูกันว่า การก้าวไปเป็นผู้ประสบความสำเร็จมีกฎอะไรบ้าง


คนที่มีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จ เขามีนิสัยอย่างนี้

1. จะใช้เวลาคิดเพื่อหาทางปรับปรุงสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น

2. ชอบแก้ปัญหามากกว่าจะปล่อยให้โชคชะตาเป็นผู้เปลี่ยนสิ่งต่างๆ

3. มักตั้งเป้าหมายชนิดที่ทำให้สำเร็จค่อนข้างยาก แต่ก็เป็นไปได้

คนประเภทนี้จัดตั้งมาตรฐานการทำงานของตนได้อย่างเลอเลิศ และพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้ตามนั้น พวกเขาชอบการท้าทายโอกาส และตั้งใจมั่นที่จะเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายให้ได้ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือความปลาบปลื้ม อันเกิดจากความสำเร็จจากบุคคล ไม่ใช่เพื่อเงินหรือรางวัล และที่ต้องการประสบความสำเร็จ...เขาจะต้องมีคุณสมบัติอย่างนี้ด้วย

4. มีมนุษย์สัมพันธ์

5. ใช้ความคิดสร้างสรรค์

มีเรื่องหนึ่งเรามักตกหลุมตัวเองตาย คือเรามักติดกับความคิดของเราเอง เช่น คิดกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าก่อนว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นสิ่งชี้ขาด คิดตามความเคยชิน ยึดติดกับวิธีขบคิดบางอย่าง เป็นต้น วิธีแก้ก็คือคุณต้องทำลายกรอบความคิดที่ไม่เข้าถ้านี้ลง รองทำเรื่องบางอย่างแหวกกฎเกณฑ์เดิมหัดคิดเรื่อยเปื่อย สะระตะในยามว่างบ้าง โดยไม่ต้องสนใจว่ามันจะเป็นไปได้หรือเปล่า

6. รู้จักฟัง

การรับฟังทัศนะของผู้อื่นๆ มีประโยชน์มาก แต่คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะพูดมากกว่าฟัง โดยเฉพาะในการประชุม การสัมมนา อภิปราย เป็นต้น ผู้ร่วมประชุมมักจะพูดคุยสัพเพเหระกันเองมากกว่าจะสนใจฟังวิทยากร บางครั้งจึงทำให้พลาดข่าวสารที่สำคัญ ในขณะเดียวกัน คำพูด หรือทัศนะที่ออกมาในลักษณะการนินทา การว่าร้าย ซึ่งมักก่อให้เกิดการเข้าใจผิด หรือผิดใจกันมาก กับมีแต่คนสนใจฟังคุณต้องเลือกเองว่าจะรับฟังอะไรบ้าง ถึงจะมีประโยชน์กับตัวคุณ

....................................................................................................................................



แหล่งที่มา : บทความสุขภาพจิต โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์
http://www.jvkk.go.th/jvkkfirst/story/health/53.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น